วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557


2.Answer 5 question on page 94

1.จงอธิบายความหมายของการเขียนโปรแกรมและขั้นตอนในการพัฒนาโปรแกรม
 ตอบ
      ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมประกอบด้วย
  1.การวิเคราะห์ปัญหา
  2.การออกแบบโปรแกรม
  3.การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
  4.การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
  5.การทำเอกสารประกอบโปรแกรม
                                                                                                                                                          
2.ภาษาคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้ในการเขียนโปรแกรมมีภาษาใดบ้าง จงอธิบาย
ตอบ
        1.ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาเดียวที่เครื่องสามารถปฏิบัติงานตามคำสั่งได้ทันทีโดยไม่ต้องมีตัวแปลภาษาอื่นใดเข้ามาช่วย ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำที่สุด โดยช่วงก่อนปี ค.ศ. 1952 เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ด้วยภาษาเครื่องภาษาเดียวเท่านั้น เนื่องจากยุคนั้นยังไม่มีการพัฒนาภาษาระดับอื่นๆ เข้ามาเพื่อช่วยในการทำงาน อีกทั้งคำสั่งของภาษาเครื่องจะใช้เลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 แทนข้อมูล และคำสั่งต่างๆ ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือหน่วยประมวลผลที่ใช้ นั่นคือแต่ละเครื่องก็จะมีรูปแบบของคำสั่งเฉพาะของตนเอง ซึ่งนักคำนวณและนักเขียนโปรแกรมในสมัยก่อนต้องจักวิธีที่จะรวมตัวเลขเพื่อแทนคำสั่งต่างๆ ทำให้การเขียนโปรแกรมยุ่งยากมากไม่เหมาะสำหรับการพัฒนาโปรแกรมทางด้านธุรกิจ

       2.ภาษาระดับต่ำ (Low level language) เนื่องจากภาษาเครื่องเป็นภาษาที่ยากแก่การทำความเข้าใจและยากในการประยุกต์ใช่งาน ทำให้ผู้มีพัฒนารหัสและสัญลักษณ์มาแทนตัวเลข 0 กับ 1 โดยใช้อักขระในภาษาอังกฤษมามีส่วนร่วมในการสั่งงาน จึงทำให้มีการสั่งงานได้ง่ายยิ่งขึ้นแต่ก็ยังคงยากสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาโปรแกรม ซึ่งได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี ( Assembly language ) เกิดขึ้นปี ค.ศ. 1952 โดยภาษาแอสเซมบลีใช้รหัสเป็นคำแทนคำสั่งภาษาเครื่อง ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าการเขียนโปรแกรมจะยังไม่สะดวกเท่ากับการเขียนโปรแกรมภาษาอื่นๆ ในสมัยนี้ แต่ท้าเปรียบเทียบใยสมัยนั้นถือว่าเป็นการพัฒนาไปสู่ยุคของการเขียนโปรแกรมแบบใหม่ ถือใช้สัญลักษณ์แทนเลข 0 และ 1 ของภาษาเครื่อง แม้ว่าจะเป็นภาษาที่ใกล้เคียงภาษาเครื่องแต่ละโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีต้องใช้ แอสเซมบลี ( Assembly ) แปลภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการอีกทอดหนึ่ง

       3.ภาษาระดับสูง (High level Language) เริ่มถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1960 โดยภาษาระดับสูงจะใช้คำในภาษาอังกฤษแทนคำสั่งต่างๆ รวมทั้งสามารถใช้นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ไดด้วยทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถใช้เวลามุ่งไปในการศึกษาเท่านั้น ไม่ต้องเป็นกังวลว่าคอมพิวเตอร์จะทำงานอย่างไรอีกต่อไป

       4.ภาษาระดับสูงมาก (Very High-level Language) หรือภาษายุคที่ 4 (Fourth-Generation Language) หรือ 4 GLs เป็นภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมได้สั้นกว่าภาษายุคก่อนๆ โดยภาษายุคที่4 นี้มีคุณสมบัติที่จะแยกภาษายุคก่อนอย่างชัดเจน กล่าวคือภาษาในยุคก่อนนั้นใช้หลักการของการเขียนโปรแกรม แบบโพรซีเยอร์ (Procedure Language) ซึ่ในขณะภาษายุคที่ 4 จะเป็นแบบ ไม่ใช่โพรซีเยอร์ (Non-Procedure Language) ผู้เขียนโปรแกรมเพียงแต่กำหนดว่าต้องการให้โปรแกรมทำอะไรบ้างก็สามารถเขียนโปรแกรมได้ทันที โดยไม่ต้องทราบว่าทำได้อย่างไร ทำให้การเขียนโปรแกรมสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว

         และภาษายุคที่ 4 นี้ยังมีภาษาที่ใช้สำหรับเรียกข้อมูลจากฐานข้อมูลได้ เรียกว่า ภาษาเรียกค้นข้อมูล (Query language) โดยปกติแล้วการเก็บข้อมูล การแสดงรายการจากฐานข้อมูลต้อง จะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า แต่บางครั้งอาจมีการเรียกข้อมูลพิเศษทีไม่ได้มีการวางแผนไว้ถ้าผู้ใช้เรียนภาษาเรียกค้นข้อมูลก็ต้องดูรายงานต่างๆ นอกเหนือจากที่ได้มีการวางแผนไว้ได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก ภาษาเรียกค้นข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน เรียกว่า Query Bu Example หรือ QBE ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากเช่นกัน

       5.ภาษาธรรมชาติ (Nature language) เป็นภาษายุคที่ 5 Fifth Generation language หรือ 5GLs ธรรมชาติ หมายถึง ธรรมของมนุษย์ คือ ไม่ต้องสนใจถึงคำสั่งหรือลำดับของข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ใช้เพียงแต่พิมพ์ที่ต้องการลงในคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคตามที่ผู้ใช้เข้าใจซึ่งจะทำให้มีรูปแบบของคำสั่งหรือประโยคที่แตกต่างกันออกไปได้มากมาย เพราะผู้ใช้แต่ละคนอาจจะใช้ประโยคต่างกัน ใช้คำศัพท์ต่างกัน หรือแม้กระทั้งบางคนอาจจะใช้คำศัพท์แสลงก็ได้ คอมพิวเตอร์จะถามผู้ใช้เพื่อยืนยันความถูกต้อง ภาษาธรรมชาตจะใช้ ระบบฐานความรู้ (Knowledge Base System) ช่วยในการแปลความหมายของคำสั่งต่างๆ
                                                                                                                                                           

 3.จงอธิบายขั้นตอนการเริ่มสร้างโพรเจกต์ใหม่ด้วยโปรแกรม Microsoft Visual Studio
ตอบ
1) การเข้าสู่โปรแกรม คลิก Start >Programs >Microsoft Visual Studio 2008
2) การเริ่มสร้างโพรเจกต์ใหม่ คลิก Projact ของ Create จากนั้นคลิกที่ VisualC#
และเลือกปุ่ม Browse เพื่อให้ไฟล์ที่จะเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบในแฟ้มข้อมูลที่ต้องการ และพิมพ์ชื่อไฟล์
3) แถบเมนู เป็นเมนูหลักที่รวบรวมคำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม Microsoft Visual Studio 2008
4) แถบเครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเรียกใช้งานคำสั่งในเมนูบาร์ที่ใช้งานบ่อยครั้งทำได้สะดวกขึ้น
5) กล่องเครื่องมือ เป็นหน้าต่างที่แสดงกลุ่มควบคุม และส่วนประกอบต่างๆ
6) หน้าต่าง Form Design ออกแบบหน้าตาของแอพพลิเคชัน
7) หน้าต่าง Solution Explorer แสดงรายการของไอเท็ม
8) หน้าต่าง Properties Window แสดงและกำหนดคุณสมบัติเื้บื้องต้นของกลุ่มควบคุม
9) หน้าต่าง Code Editor หน้าต่างที่ใช้สำหรับเขียนโค้ดควบคุมการทำงานของแอพพลิเคชันตามที่ต้องการ
                                                                                                                                                            
4.การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาซีซาร์ป มีลักษณะอย่างไร
 ตอบ 
ภาษาซีชาร์ป(C#)เป็นภาษาเชิงวัตถุ ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากภาษาซีพลัสพลัส(C++)โดยบริาัทไมโครซอฟต์ซึ่งได้รวบรวมข้อ ดีของภาษาต่างๆ เช่น ภาษาจาวา(Java) ภาษาเดลไฟ(Delphi) ภาษาซีพลัสพลัส(C++)เข้าไว้ด้วยกัน มีไวยากรณ์ที่เข้าใจง่าย ประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานสูงขึ้น ซึ่งขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมดังที่กล่าวไปแล้วนั้นอาจยุ่งยากและซับซ้อน สำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ปัจจุบันได้มีวอฟแวร์สำหรับช่วยพัฒนาโปรแกรมภาษา C# อยู่จำนวนมากให้เลือกใช้ซึ่งเพิ่มความสะดวกและลดข้อผิดพลาดได้มากหนึ่งในซอ ฟแวร์นั้นคือ Microsoft Visual studio 2008 
                                                                                                                                                              
5.เมื่อได้ออกแบบโปรแกรมที่ต้องการแล้ว และจะเริ่มสร้างโปรแกรมด้วยภาษาซีซาร์ป จะต้องมีขั้นตอนในการสร้างโปรแกรมอย่างไร
ตอบ 
        มีขั้นตอนในการพัฒนาอย่างเป็นลำดับ 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การวิเคราะห์ปัญหา  เป็นขั้นตอนของการศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นของระบบงานปัจจุบัน จะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา ดังนี้
1) ความเป็นไปได้ทางเทคนิค
2) ความเป็นไปได้ด้านบุคลากร
3) ความเป็นไปได้ด้านเศรษฐสาสตร์

2.การออกแบบโปรแกรม เป็นการนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์มาออกแบบโปรแกรม โดยอาศัยเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้การออกแบบเป็นมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งเครื่องมือในการออกแบบที่นิยมใช้ได้แก่ ผังงาน และรหัสจำลอง

3.การเขียนโปรแกรม  เป็นการนำผลที่ได้จากการออกแบบโปรแกรมด้วยผังงานหรือรหัสจำลอง มาแปลงเป็นคำสั่งของโปรแกรมในภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง เพื่อนำไปประมวลผลข้อมูลและได้ผลลัพธ์ของโปรแกรมต่อไป โดยผู้เขียนโปรแกรมสามารถเลือกภาษาคอมพิวเตอร์ได้ตามความถนัดของแ่ต่ละบุคคล ต่อไป

4.การทดสอบโปรแกรม เป็นขั้นตอนการตรวจสอบความถููกต้องในการทำงาน และตรวจสอบไวยากรณ์ของภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียนโปรแกรม ดดยทั่วไปข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเขียนโปรแกรมมี 3 ชนิด
1) ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์
2) ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นขณะรันโปรแกรม
3) ข้อผิดพลาดทางตรรกะ

5.การจัดทำเอกสารประกอบ  หมายถึง การเตรียมเอกสารอธิบายโปรแกรม ซึ่งมีความสำคัญและควรทำอย่างต่อเนื่องหลังจากการพัฒนาโปรแกรม ดดยทั่วไปเอกสารที่จัดทำมีอยู่สองประเภท คือ คู่มือผู้ใช้ และคู่มือนักเขียนโปรแกรมเมอร์  
                                                                                                                                                            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น